มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา

หน้าหลัก > เสียงจากผู้บริจาคทุน EDF > จากเลขาธิการบริษัทเดนโซ่ การเป็นที่ปรึกษา EDF

จากเลขาธิการบริษัทเดนโซ่ การเป็นที่ปรึกษา EDF

“ผมอยู่เมืองไทยมากว่า 40 ปีแล้ว เห็นอะไรหลายๆอย่างในประเทศไทยที่เปลี่ยนไป... ตอนนั้น ผมยังเห็นคนกรุงเทพฯนุ่งผ้าไทยเดินตามถนน บางคนไม่สวมรองเท้า ทุกคนดำเนินชีวิตกันอย่างช้าๆ สบายๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปนะ คนไทยเร่งรีบขึ้นมาก คิดเองทำเองได้ดี เข้ากับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน”


	สัมภาษณ์เลขาธิการบริษัทเดนโซ่ (ประเทศไทย)

	คุณมาซาโอกะ อิซาโอะ (Mr.Isao Masaoka) “ผมอยู่เมืองไทยมากว่า 40 ปีแล้ว เห็นอะไรหลายๆอย่างในประเทศไทยที่เปลี่ยนไป... ตอนนั้น ผมยังเห็นคนกรุงเทพฯนุ่งผ้าไทยเดินตามถนน บางคนไม่สวมรองเท้า ทุกคนดำเนินชีวิตกันอย่างช้าๆ สบายๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปนะ คนไทยเร่งรีบขึ้นมาก คิดเองทำเองได้ดี เข้ากับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน” คุณมาซาโอกะ กล่าวกับทาง EDF เกี่ยวกับประสบการณ์และทัศนคติที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่เขาตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่กว่าค่อนชีวิต เขาเองก็ยังได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับประเทศไทยให้แก่ชาวญี่ปุ่นที่สนใจจะมาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยอยู่เป็นประจำอีกด้วย ปัจจุบันคุณมาซาโอกะ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ มูลนิธิศูนย์มิตรภาพมนุษย์ล้อเอเชีย (ประเทศไทย) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า WAFCAT ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ก่อตั้งโดยบริษัทเดนโซ่ ประเทศไทย จำกัด มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือ และส่งเสริมเด็กพิการทั้งในไทยและต่างประเทศ สำหรับภายในประเทศไทยนั้น WAFCAT ได้ร่วมมือกับ EDF จัดโครงการมอบรถเข็นคนพิการและจัดการอบรมการใช้งานและซ่อมบำรุง ให้กับนักเรียนพิการในภาคอีสาน นอกจากนี้ยังดำเนินโครงการสร้างห้องน้ำ ห้องเรียน รวมทั้งทางลาดสำหรับเด็กพิการเพื่อให้สามารถเรียนร่วมกับเด็กปกติได้อีกด้วย คุณมาซาโอกะได้แสดงทัศนคติเกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคมของภาคธุรกิจโดยยกตัวอย่างบริษัท เดนโซ่ ประเทศไทยดังกล่าวข้างต้น “ในปัจจุบันนี้บริษัทส่วนใหญ่ได้คำนึงถึงเรื่องของ “การดำเนินธุรกิจแบบรับผิดชอบต่อสังคม” หรือ CSR (Corporate Social Responsibility) กันมากขึ้น บริษัทบางแห่งถึงกับกำหนดเป็นนโยบายสำคัญของบริษัทเลยทีเดียว” CSR คือการแสดงความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมขององค์กรภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ที่ประเทศที่พัฒนาแล้วได้นำมาใช้เป็นข้อกำหนดในการทำการค้าระหว่างกัน โดยมีเนื้อหาหลักๆคือการเสริมสร้างและพัฒนาสังคมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจที่มุ่งแสวงหาผลกำไร ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อสวัสดิภาพโดยรวมของแรงงานในองค์กรนั้นๆ สนับสนุนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและสังคมในวงกว้างต่อไป คุณมาซาโอกะหวังว่าเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้นี้ภาคธุรกิจ จะหันมาคำนึงถึงเรื่อง CSR กันมากขึ้น สำหรับในประเทศญี่ปุ่นเองนั้นถึงแม้ว่าจะเริ่มหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น แต่ก็ยังถือว่าไม่มากนัก นอกจากจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือเด็กพิการในประเทศไทยแล้ว คุณมาซาโอกะยังให้เกียรติมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ EDF ในเรื่องของการรณรงค์ทุนการศึกษาและพัฒนาโครงการพิเศษต่างๆอีกด้วย โดยให้เหตุผลว่าต้องการช่วยเหลือ EDF ด้วยความเต็มใจ เพราะตั้งแต่ได้ร่วมทำโครงการเพื่อเด็กพิการด้วยกันแล้วรู้สึกผูกพันใกล้ชิด อีกทั้งเมื่อได้คุยกับรองประธาน EDF คุณ เทรุมะสะ อะคิโอ (Mr.Terumasa Akio) ก็รู้สึกประทับใจในแนวคิดและปรัชญาในการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือสังคมและการศึกษาของเด็กไทย เป็นอย่างมาก “ผมต้องขอขอบคุณ EDF เป็นอย่างมากที่ให้เกียรติผมมาเป็นที่ปรึกษา และสิ่งที่ผมอยากกล่าวทิ้งท้ายคือ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ถือว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆด้าน จากเดิมที่ญี่ปุ่นเคยเป็นแต่ผู้ให้ และไทยเป็นผู้รับ ในปัจจุบันก็เปลี่ยนไป โดยที่ทั้งสองประเทศต่างก็มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) และพร้อมที่จะเป็นผู้ให้ร่วมกันต่อไป”

2010-06-06 | เสียงจากผู้บริจาคทุน EDF | เปิดอ่าน 3339

ลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสาร EDF

มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา(EDF)
594/ 22 พาทิโอ เรสซิเดนซ์ รัชโยธิน ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทร: 02-579-9209 ถึง11 | Line: @edfthai | อีเมล์: [email protected]

Connect with EDF

มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนาเป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255
ทุกการบริจาคผ่าน มูลนิธิฯ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีตามกฎหมาย